บทที่ 1 หลักการเบื้องต้นของการสื่อสาร
พื้นฐานของการเชื่อมโยงระหว่าง 2 ตำแหน่ง มีอุปกรณ์ 2 ชุด ทางซ้ายมือเป็นสถานีควบคุมระบบ ซึ่งเรียกว่า สถานีปฐมภูมิ (Remote) ข้อมูลจะถูกส่งออกไปยัง สถานีทุติยภูมิ (Secondary) หรืออุปกรณ์ทางไกล (Remote) ซึ่งเป็นที่สิ้นสุดของระบบ โดยเชื่อมโยง (Link) การสื่อสารซึ่งปกติจะอยู่ในรูปแบบของการต่อแบบขนานจากอุปกรณ์อย่างหนึ่งหรือมากกว่าขึ้นไป ชุดอุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ (Printer) แป้นพิมพ์ (Keyboard) เครื่องแฟกซ์ (Facsimile : FAX ) และส่วนแสดงผลข้อมูล (Display Termanal) ข่าวสารเล่านี้จะถูกเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมให้อยู่ในรูปแบบดิจิตอล โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะได้รับข้อมูลที่ส่งมาในรูปแบบข้อมูลแบบขนานเข้าสู่ระบบ ซึ่งข้อมูลขนาน (Parallel Data) คือกลุ่มของดิจิตอลบิต (Digital Bit) ซึ่งพร้อมที่จะนำมาใช้ได้ในเวลาเดียวกัน แต่ละบิตใช้สื่อสารแต่ละเส้นทางของตนเองจึงทำให้ส่งข้อมูลได้หลายๆ บิตในเวลาเดียวกัน แต่การที่จะต้องใช้เส้นทางข้อมูลหลายๆ เส้นทางทำได้ลำบากและเสียค่าใช้จ่ายสูงเมื่อต้องการส่งระยะทางไกลๆ ดังนั้น การส่งข้อมูลไปตามเส้นทางข้อมูลเดียวระหว่าง 2 สถานีเป็นที่นิยมใช้กันมากกว่า การกระทำเช่นนี้ใช้ได้เมื่อเราใช้ข้อมูลแบบขนาน จากนั้นก็เปลี่ยนข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบอนุกรม (Serial) ซึ่งเป็นข้อมูลของแต่ละบิตต่อเนื่องกัน แม้วิธีนี้จะส่งข้อมูลได้ช้ากว่าแต่ก็ใช้เส้นทางข้อมูลเพียงเส้นทางเดียวในการเคลื่อนย้ายข้อมูล
การส่งข้อมูลภายในระบบการสื่อสารจากแหล่งต้นกำเนิดไปปลายทางสามารถรับส่งข้อมูลผ่านสารการสื่อสารสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1เทราบิ (Tb) =1,000 จิกะบิต หรือ 1,024 บิต
ถ้าจะกล่าวกันว่าการสื่อสารสร้างโลก จะเห็นว่าคำกล่าวนี้น่าจะเป็นจริง เพราะจะเห็นว่าในการดำรงชีวิตของมนุษย์โลกและกิจกรรมตลอดจนธุรกิจต่างๆ จะสำเร็จลงได้ด้วยดีก็ย่อมต้องมีการสื่อสารที่ดีเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ซึ่งการสื่อสารนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่ที่จะกล่าวถึงก็คือการสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
ความหมายของการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูล (Data Communication) คือ การส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งซึ่งเรียกว่าจุดเริ่มต้น ผ่านพาหนะนำส่งข้อมูล ซึ่งเรียกว่าตัวกลาง เพื่อจะให้ข้อมูลนั้นสามารถไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งเรียกว่าผู้รับ
พื้นฐานของการสื่อสารข้อมูล
การสื่อสารข้อมูลต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ
1. แหล่งกำเนิด (Source) คือตังส่งข้อมูล เช่น ครื่องคอมพิวเตอร์2. พาหนะนำสัญญาณ หรือตัวกลาง (Medium) เช่นสายโทรศัพท์ สายเคเบิ้ล คลื่นวิทยุ เป็นต้น
3. ตัวรับข้อมูล (Snik) เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ เทอร์มินัล
|
แสดงองค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสาร
ความรู้พื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
การสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างต้นทางและปลายทางโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเชื่อมต่อกันอยู่ด้วยสื่อกลางชนิดใดชนิดหนึ่ง
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ ระบบเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกันได้
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. สัญญาณอะนาล็อก (Analog Signal) หมายถึง สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบต่อเนื่องที่มีขนาดไม่คงที่ มีลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกันไป โดยการส่งสัญญาณแบบอะนาล็อกจะถูกรบกวนให้มีการแปลความหมายผิดพลาดได้ง่าย เช่น สัญญาณเสียงในสายโทรศัพท์ เป็นต้น
2.สัญญาณดิจิตอล (Digital Signal) หมายถึง สัญญาณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง ที่มีขนาแน่นอน
ซึ่งขนาดดังกล่าวอาจกระโดดไปมาระหว่างคำสองคำ คือ สัญญาณระดับสูงสุดและสัญญาณระดับต่ำสุด ซึ่งสัญญาณดิจิตอลนี้เป็นสัญญาณที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการทำงานและติดต่อสื่อสารกัน
สามารถแบ่งทิศทางการสื่อสารข้อมูลได้เป็น 3 แบบ คือ
1.การสื่อสารข้อมูลแบบทิศทางเดียว(Simplex) ข้อมูลจะถูกส่งออกจากทิศทางหนึ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง โดยไม่สามารถส่งย้อนกลับมาได้ เช่น ระบบวิทยุ หรือโทรทัศน์
2.การสื่อสารข้อมูลแบบกึ่งสองทิศทาง (Half Duplex) ข้อมูลจะถูกส่งออกจากทิศทางหนึ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ข้อมูลสามารถส่งสลับกันไปมาได้ทั้งสองทิศทาง โดยวิธีการต้องผลัดกันส่งครั้งละทิศทางเท่านั้น เช่น วิทยุสื่อสารแบบผลัดกันพูด
3.การสื่อสารข้อมูลแบบสองทิศทาง (Full Duplex) ข้อมูลจะถูกส่งออกจากทิศทางหนึ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ข้อมูลสามารถส่งพร้อมกันได้ทั้งสองทิศทางอย่างอิสระ สามารถโต้ตอบกันได้ เช่น ระบบโทรศัพท์
การสื่อสารข้อมูลแบบอนุกรมและแบบขนาน
การส่งข้อมูลภายในระบบการสื่อสารจากแหล่งต้นกำเนิดไปปลายทางสามารถรับส่งข้อมูลผ่านสารการสื่อสารสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1.กรณีการส่งข้อมูลแบบอนุกรม แต่ละบิตของข้อมูลถูกส่งไปใยช่องทางการสื่อสาร 1 ช่องและครั้งละ 1 บิต เรียงลำดับกันไป ความผิดพลาดเกิดขึ้นน้อย จึงสามารถส่งข้อมูลไปได้ในระยะทางไกลๆ และลำดับการรับข้อมูลจะตรงกับลำดับการส่ง ค่าใช้จ่ายในการส่งข้อมูลจะราคาถูกกว่าแบบขนาน เพราะใช้ช่องทางการสื่อสารเพียงช่องเดียว ความเร็วในการส่งข้อมูลประมาณ 300-1,200 บิตต่อวินาที
2.กรณีการส่งข้อมูลแบบขนาน ทุกบิตของข้อมูลจะถูกแบบส่งตามช่องทางการสื่อสารในเวลาเดียวกัน เมื่อเทียบทั้ง 2 วิธีพบว่า การส่งข้อมูลแบบขนาน เนื่องจากการส่งข้อมูลแบบขนานต้องใช้สายนำข้อมูลจำนวนมาก และยังต้องมีความเร็วในการส่งสูงกว่าด้วยเพราะทุกบิตส่งข้อมูลในเวลาเดียวกัน การส่งข้อมูลแบบขนานมีความเร็วสูงกว่า 9,600 บิตต่อวินาที มีผลทำให้การใช้งานการส่งข้อมูลแบบขนานเหมาะสำหรับเครื่องรับติดตั้งใกล้เครื่องส่ง ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์จะมีความยาว 8 บิต หรือ 16 บิต ต่อ 1 คำ ดังนั้นจ้องมีสายให้พอกับจำนวนบิตที่ต้องการส่งออกไปพร้อมกัน เช่น ข้อมูล 8 บิต ก็ต้องมีสายส่ง 8 เส้น เป็นต้น
ความหมายของคำที่ใช้ในการสื่อสาร
เมื่อกล่าวถึงระบบที่ใช้ในการสื่อสาร จะมีคำที่เกี่ยวข้องซึ่งมักจะใช้สับสนกันคือ
1. โทรคมนาคม หรือการสื่อสารทางไกลเป็นการส่งสัญญาณการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ของข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ชนิดใดก็ได้ ดังนั้น จึงความหมายในรูปแบบของการสื่อสารทางโทรศัพท์ การส่งสัญญาณโทรทัศน์ อิเล็กทรอนิกส์ การส่งสัญญาณโทรศัพท์ โดยผ่านดาวเทียม
2. การสื่อสารข้อมูล เป็นการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ในรูปของข้อมูลเท่านั้นคำว่า Data Communicationจะมีความหมายใกล้เคียงกับคำเหล่านี้ปกติจะหมายถึงการส่งข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์ แต่ความหมายจริงๆ แล้วคำนี้จะหมายถึงการส่งข้อมูลทางโทรเลข และการส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
รูปแบบของระบบสื่อสาร
การสื่อสารระบบเครือข่าย หรือระบบหลายจุดใช้ช่องทางสื่อสารช่องทางเดียว สามารถจำแนกโครงสร้างภายนอกตามสภาพที่ตั้งของโครงข่าย ของสถานีได้4 รูปแบบคือ
1. แบบบัส เป็นแบบสถานีทุติยภูมิ ทุกสถานีใช้ส่งที่เชื่อมกับสถานี ปฐมภูมิร่วมกัน
2. แบบดาว หรือจุดกลางรวมกันเป็นที่มีสถานีปฐมภูมิอยู่ตรงกลาง
3. แบบแหวน โครงสร้างแบบนี้ทำงานได้โดยไม่มีสถานีปฐมภูมิหรือสถานีแม่ข้อความจะถูกส่งไปตามวงแหวนในทิศทางเดียวกัน
4. แบบผสม เป็นการผสมผสานกันรูปแบบโครงข่ายทั้ง 3 ที่กล่าวมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารข้อมูล
ลักษณะข้อมูลแบบดิจิตอล
บิต (Bit)
เป็นหน่อยข้อมูลดิจิตอลที่เล็กที่สุด ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลและทฤษฎีข้อมูลข้อมูลของบิตมีสถานะที่เป็นไปได้ 2 สถานะคือ
บิต 0 (ปิด)
บิต 1 (เปิด)
เคลาด์อีแชนนอน เริ่มใช้คำว่า บิต ในงานเขียนของเขาในปี พ.ศ.2491 โดยย่อจากคำเต็ม
ไบต์ (Byte)
เป็นกลุ่มของบิตซึ่งเดิมมีหลายขนาน แต่ปัจจุบัน มักเท่ากับ 8 บิต ไบต์ขนาน 8 บิต ไบต์ขนานบิตมีชื่อเรียกว่า ออกเท็ต สามารถ เก็บค่าได้
เวิร์ด (Word)
เป็นมาตรฐานตายตัว บนเครื่องคอมพิวเตอร์สถาปัตยกรรม TA -32 จำนวน16 บิตจะเรียกว่าเวิร์ดในขณะที่32 บิตเรียกว่าดับเบิลเวิร์ด ในขณะที่สถาปัตยกรรมอื่นๆหนึ่งเวิร์ดมีค่าเท่ากับ 32 บิต 64บิตหรือค่าอื่นๆ
ในระบบโทรคมนาคม หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการส่งนิยมใช้หน่วยในรูปของบิตต่อวินาทีบิตเป็นหน่วยวัดข้อมูลเล็กที่สุดที่ใช้กันทั่วไป
หน่วยนับ
1กิโลบิต (Kb) =1,000 บิต หรือ 1,024 บิต
1เมกะบิต (Mb) =1,000กิโลบิต หรือ 1,024 บิต
1จิกะบิต (Gb) =1,000เมกะบิต หรือ 1,024 บิต
1เทราบิ (Tb) =1,000 จิกะบิต หรือ 1,024 บิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น